วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2557

8) โลกไอที..ที่หมุนติ้ว

ในช่วงเวลาที่โลกหมุนติ้วๆ อยู่นี้    คุณรับมือกับเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าขึ้นทุกวันอย่างไรบ้างคะ?
อีกมุมมองของบล็อก บริหารใจ สไตล์ส้มโอ 

ในช่วงเวลาที่โลกหมุนติ้วๆ เหมือน ไม่มีหยุดพักผ่อนนี้    หลายคนคงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมากของเทคโนโลยีในทุกด้าน  พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว    และเป็นสิ่งที่หลายๆ คนให้ความสนใจ
 มีผู้เดินนำ   มีผู้ก้าวเดินตาม เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วยิ่งกว่าแฟชั่นซะอีกนะเนี่ย  คละเคล้ากันไปมากน้อยตามความสนใจของแต่ละคน     ซึ่งในวันที่โลกหมุนแบบไม่ลืมหูลืมตาอยู่นี้  ใครจะรู้บ้างว่า  เบื้องหลังผู้เดินตามความทันสมัยเหล่านี้  สำหรับผู้ที่เรียกตัวเองว่า   " โลว์เทค "  ( Low Technology ) มันช่างแสนเหนื่อย ในการก้าวตาม อยากอัพเดทตลอดเวลานะจ๊ะ แต่บางครั้งก็ไม่ทันจริงๆ จ้า  สาวกไฮเทค.. ผู้ชื่นชอบความล้ำหน้าของเทคโนโลยีทั้งหลาย นายแน่มาก..

คนข้างกายผู้เขียนเป็นอีกหนึ่งคน  ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีแบบสุด ๆ  ข่าวสารอะไรออกใหม่เป็นต้องสนใจอ่าน ติดตามตลอด เดินผ่านโบว์ชัวร์ที่ไรเป็นต้องหยิบ อัพเดทราคา และสเปคใหม่ๆ อยู่เสมอ เป็นแฟนตัวยง ของรายการ  " แบไต๋ไฮเทค " ที่ตอนนี้แตกตัวไปเป็นอีกหลายรายการในแนวไอที  ผู้จัดทำช่างเป็นมนุษย์เหล็ก เก่งจริงๆ เคยได้ยินว่า นอกจากทำรายการแนวไอที ป้อนให้กับช่องต่างๆ ยังมีงานโชว์ที่ปีหนึ่ง มี 365 วัน แต่พวกเค้าจัดทำอีเวนต์มากว่า 600 รายการ และยังมีจัดรายการวิทยุอีก  บางคนเปิดร้านค้าส่วนตัวอีก ยังไม่รวมกับที่แต่ละคนมีครอบครัว มีลูกเล็กๆ ที่ต้องดูแลอีกด้วย  พระเจ้า!!.. ทำงานทันได้ไง  เก่งมากจริงๆ

เมื่อครั้งผู้เขียนทำงานที่ต้องมีการพรีเซนต์  มีตัวเลขที่ต้องคำนวณมากมาย  คุณสามีเป็นผู้แนะนำให้ใช้  PDA ผู้เขียนถามคำเดียวว่า " เปิดตรงไหน ?...."  ( อ่อนใจไหมจ๊ะ..คนสอน )  แต่หลังจากนั้นก็เหมือนขาดอุปกรณ์นี้ไม่ได้เลย  และตอนนี้อุปกรณ์ถูกพัฒนาให้โทรออกได้ด้วย และกลายเป็น Smartphone ในทุกวันนี้   ซึ่งมีความสามารถล้นเหลือ ทำได้ทุกอย่างผ่าน Application  อยากได้อะไรก็โหลดใช้    ทุกอย่างดูง่ายดายไปหมด   สะดวกสบายมากขี้น     ยอมรับเลยว่า Application เปลี่ยนโลกนี้ได้มากจริง ๆ 

ปัญหาเดียวของสาวกไอทีคือ การยับยั้งชั่งใจ ไม่ช็อปจนเกินกำลัง  อินเทรนด์เมื่อไหร่ อินทุกข์เมื่อนั้น  (อ้างอิงจากคำพูดท่าน ว.วชิรเมธี ) มาแล้วค่ะคำนี้    แต่ก็น่าจะทุกอย่างนะคะ  ไม่เฉพาะการจับจ่ายใช้สอย   หากทำอะไรโดยขาดความยับยั้งชั่งใจ ทุกข์จะติดตามไปดั่งเงาตามตัว ท่านกล่าวไว้ถูกต้องจริงๆ ค่ะ   สาธุ..สาธุ    บางครั้งตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ เสพด้วยตาไม่ได้ซื้อ ห้ามใจไว้    มีอยู่วันหนึ่ง  งงมากที่เห็นใบแจ้งบิลค่างวด  ก็ยังถือไปถามด้วยความซื่อ (บื้อ) ว่า " นี่สงสัยส่งผิดบ้าน  เค้าแจ้งจดหมายมาผิดบ้านแน่ ๆ เลย แย่จัง..วันจันทร์ต้องรีบติดต่อเคลียร์เลยนะเนี่ย ไม่งั้นเข้าใจผิดอย่างนี้ แย่เลย " (ร่ายยาว..)  แล้วก็ค่อย ๆ มีรอยยิ้มหน่อย ๆ  พร้อมเฉลยว่า   “  เราแอบซื้อ..มาเองแหละ  แต่ไม่ต้องห่วงนะไม่กวนตังค์ที่บ้านเลย ผ่อนจะครบอยู่แล้วเนี่ย "   แหม..น้ำเสียงเกรงใจ โกรธไม่ลงหรอกจ้า!   เพราะท้ายสุดคนที่ใช้ของสิ่งนั้น บ่อยสุดก็เป็นเรานั่นเอง 

               สิ่งต่าง ๆ บนโลกนี้มีประโยชน์อยู่ 2 แบบคือ   ประโยชน์แท้   กับประโยชน์เทียม   ประโยชน์แท้ คือการใช้ประโยชน์จริงๆ ของสิ่งของนั้นๆ       ส่วนประโยชน์เทียม ก็คือประโยชน์แฝงของสิ่งเหล่านั้น เช่น ปากกามีประโยชน์แท้คือการใช้ขีดเขียน ส่วนประโยชน์เทียมคือ นอกจากเขียนได้แล้วยังดูสวยหรูด้วย หยิบออกมาทีไร เพื่อนเป็นต้องร้อง โอ้โห!!..ว้าว!!.. อืมมม!!...รสนิยมดีจริง สร้างความปลื้มใจ ภูมิใจกับสิ่งของโก้หรูนั้นๆ   แต่หากเราใช้ชีวิตโดยอยู่กับคุณค่าแท้ ในทุกๆ อย่างได้ก็คงจะดี ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร ยารักษาโรค บ้านที่อยู่อาศัย คำนึงถึงประโยชน์ที่แท้จริง     อย่างน้อยก็คงลดเรื่องราวที่ต้องปวดหัวไปได้มากทีเดียว

 " พอดี " คำนี้ที่ช่วยให้เรารู้สึกเบาสบาย    ประโยชน์เทียมหรือประโยชน์แฝง     อาจทำให้เราเปลืองเวลา    เปลืองสุขภาพ   เปลืองพลังงานทางความคิด    จนไม่เหลือเวลาทำอะไรอื่น ๆ  คุณค่าเทียม ๆ จะฉุดเอาเวลา  เงินทอง ให้สิ้นเปลืองไปเยอะมาก     

แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องทำงานมีรายได้  สนุกกับสิ่งที่ชื่นชอบ  เพราะเรามีสังคม มีครอบครัว  ในทางเศรฐกิจแล้ว ต้องดำรงชีวิตอยู่ให้ได้  และมีความสุขไปพร้อมๆ กันด้วย     แต่หากซื้อน้อยลง ไม่ว่าสิ่งไหน  เราก็อาจไม่จำเป็นต้องเอาเวลาไปแลก และจะได้มีเวลาไปใช้กับสิ่งที่รัก  คนที่รักเพิ่มขึ้น บนความพยายามเท่าเดิม    “  บางครั้ง การไม่ต้องครอบครองอะไรมากเกินไป ก็รู้สึกเบาดี สบายๆ ดีนะเออ...” 


เป็นเพียงอีกมุมหนึ่งของความคิดนะคะ  ผู้ที่ชื่นชอบและมีกำลังพร้อมซื้อ พร้อมใช้จ่าย ก็สนุกกับความก้าวหน้า ความเปลี่ยนแปลงของโลกนี้เต็มที่จ้า   ขอให้มีความสุขกับการอ่าน  ขอให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตในทุกๆ วันนะคะ  เพราะนั่นหมายถึงความสุขที่ยิ่งใหญ่ของผู้เขียนด้วยค่ะ  ^__^

วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557

7) คุณค่าจาก " มะนาว" สมุนไพรใกล้ตัว กับการแก้ปัญหา " สิว "

คุณค่าจาก " มะนาว" สมุนไพรใกล้ตัว กับการแก้ปัญหา " สิว "

ผิวพรรณผ่องใส ใบหน้าที่หมดจด เป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงทุกคน ไม่ว่าเครื่องประทินผิว ทั้งหลายจะมีราคาแพงมากแค่ไหนก็ตาม ขอเพียงแค่ได้เพิ่มความผุดผ่องของใบหน้าแม้เพียงเล็กน้อย ก็พร้อมที่จะเทเงินให้ทั้งหมดแลกสิ่งนั้นมาเพื่อบำรุงผิวให้ได้  ยิ่งหากมาเจอกับปัญหาสิว ที่บางครั้งเป็นปัญหาหนักอกหนักใจอย่างมาก วิธีหนึ่งที่ช่วยได้คือการเลือกใช้สมุนไพรจากธรรมชาติ ดังที่ได้เกริ่นไว้จากบทที่ผ่านมาว่า สมุนไพรมหัศจรรย์ที่เลือกใช้นั้นใกล้ตัวมาก ๆ คือ " มะนาว " นั่นเอง

มะนาวจัดเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก  อาจพูดได้ว่าสารอาหารที่เกี่ยวข้องในด้านความงามที่มีอยู่ในมะนาวนั้นมีอยู่มากมายจนแทบคาดไม่ถึง  เพราะมะนาวอุดมไปด้วยสารอาหารนานาชนิด โดยเฉพาะวิตามินซี (กรดซิตริก)  ถ้าจำกันได้ ในเวลาที่เป็นหวัด ใครต่อใครมักจะแนะนำให้ดื่มน้ำมะนาวคั้นอยู่เสมอ วิตามินซีในน้ำมะนาวจะช่วยให้หายจากหวัดได้เร็วขึ้น เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ภูมิคุ้มกันของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนได้เพิ่มมากขึ้นด้วย


เวลาเป็นหวัดหรือไม่สบาย ผิวหนังมักเหี่ยวย่น แห้งกร้าน ไม่มีชีวิตชีวา นั่นเป็นเพราะร่างกายใช้วิตามินซีหมดไปกับการต่อสู้กับเชื้อโรค ทำให้สังเคราะห์คลอลาเจนได้น้อยลง การดื่มน้ำมะนาวจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ผู้ที่มีปัญหาเรื่องเลือดออกตามไรฟัน แบบเรื้อรัง ให้ดื่มน้ำมะนาวก็ช่วยได้  หรืออมมะนาวไว้ในปากหลังแปรงฟัน ก็ช่วยได้มากเช่นกันนะคะ

เกลือแร่ที่มีมากในมะนาวคือโพแทสเซียม ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมสมดุลน้ำในร่างกาย ทำให้เซลล์มีน้ำหล่อเลี้ยงเพิ่มความชุ่มชื่น เป็นหน่วยลำเลียงพลังงาน ช่วยให้เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย มีพลังงานใช้อย่างเพียงพอ เส้นใยอาหารของมะนาวเป็นกากใยที่ไม่ละลายน้ำ  เมื่อดูดซับน้ำแล้วจะมีความอ่อนนุ่ม ใช้ขัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ให้หลุดลอกออกได้เป็นอย่างดี 


สูตรลดความมันบนใบหน้านั้น ต้องใช้ทั้งมะนาวและโยเกิร์ตคู่กัน  โดยมะนาว 2 ผล ต่อโยเกิร์ต 1 ถ้วย เราจะใช้เฉพาะน้ำมะนาว จึงต้องหั่นตามแนวขวางแล้วบีบน้ำมะนาวออกจนหมด ตักเอาเมล็ดออก แล้วผสมน้ำมะนาวกับโยเกิร์ตเข้าด้วยกัน  ก่อนผสมควรใช้โยเกิร์ตที่แช่เย็นแล้วค่อยนำมาผสมกับน้ำมะนาว เพราะถ้าผสมแล้วนำไปแช่ตู้เย็นทีหลัง จะทำให้วิตามินซีถูกทำลายไปจนหมด เท่ากับว่าจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากมะนาวเลย

นำครีมมะนาวพอกทั่วใบหน้า ใช้ฝ่ามือนวดเบาๆ ทิ้งไว้ 3-5 นาที จึงล้างด้วยน้ำอุ่นเพื่อละลายไขมัน ที่อยู่ในรูขุมขนออกให้มากที่สุด จากนั้นล้างด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง  เพื่อกระชับรูขุมขน วิตามินซีที่อยู่ในน้ำมะนาวจะซึมเข้าสู่ผิว ทำให้กระชับเต่งตึง และรูขุมขนเล็กลง ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง อีกทั้งยังช่วยเปิดเซลล์ผิวให้กระจ่างสดใสอีกด้วยจ้า 



หลังจากได้ลองทำสูตรดูแลผิวดังกล่าว ปัญหาสิวก็ลดลงไปมาก และยังใบผิวหน้าเรียบสวย สีผิวสม่ำเสมออีกด้วย และยิ่งมีกำลังใจ เมื่อเห็นถึงความสดใส ปิ๊งปิ๊ง ขึ้นมาทันตาของคนใกล้ๆ  ได้ทั้งใบหน้าสวยกลับมาและความสุขจากคนรอบข้าง  ขอบคุณคนข้างกายที่ส่งเคล็ดลับดี ๆ นี้มาให้    ผู้เขียนได้ส่งต่อสิ่งดี ๆ นี้แด่ผู้อ่านทุกท่าน   ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ   มอบสิ่งดีๆให้แก่กัน เป็นกำลังใจให้กันและกัน    สิ่งนี้ทำให้โลกน่าอยู่  ได้รับความรู้สึกดีมากเลย  ขอบคุณมากค่ะ

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

6) ในวันที่ฉันเป็น "สิว"

ความสวยเป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงพึงพอใจ เธอมักจะมีความสุขเวลาที่มีใครทักว่า “สวยขึ้นนะ” อดไม่ได้ที่จะยิ้มแก้มปริ เมื่อมีใครชมว่าสวย แต่บางครั้ง ปัญหาเรื่องผิวพรรณ โดยเฉพาะที่หน้า ก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว เมื่อมีสิวเม็ดเป้ง บ่งบอกระดับฮอร์โมนที่พุ่งสูง ฟ้องให้ชาวโลกรู้ว่าฉันยังวัยรุ่นอยู่นะจ๊ะ แต่มันกลับไม่น่าภิรมย์ใจเอาเสียเลย อยากให้มันผ่านพ้นไปโดยเร็วซะงั้น


คุณเคยมีปัญหาเรื่องสิวกันบ้างไหมคะ  ตั้งแต่เกิดมาจนสามสิบกว่า (อายุค่ะ กว่า..ไปอีกเท่าไรไม่บอกหรอกจ้า อิอิ ) นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้เขียน กลุ้มใจอย่างหนัก เรื่องใบหน้า  ไม่เคยคิดมาก่อนว่า ตัวเองต้องมากลุ้มอกกลุ้มใจ กับเรื่องแบบนี้ ครีมบำรุงก็ใช้แบบธรรมดาที่มีขายตามท้องตลาด ส่วนแบบยี่ห้อแพงๆ หรือครีมระดับแบรนด์เนม ไม่เคยได้ใช้อะไรพวกนั้นเลย ความจริงเรื่องหน้า มีอยู่เพียงปัญหาเดียวคือ ร่องรอยประสบการณ์ จากคุณกา ที่มาเยือนนานมากแล้ว ตั้งแต่จำความได้ ยิ้มทีไรก็โดนแซวตลอดว่า เป็นคนแปดริ้วแน่ๆ (ก็ไม่รู้จะแก้ยังไงเหมือนกัน)   

ในวันที่ความผิดปกติมาเยือน จุดเล็กๆ ที่สร้างหนามหัวใจในเช้าวันหนึ่งของสัปดาห์ที่ผ่านมา  ด้วยความที่นอนดึก และอยู่ในช่วงวันนั้นของเดือน  ส่องกระจกทีไร ยิ่งดูก็ยิ่งเครียด  พี่สิวก็ทำหน้าที่ตัวเองต่อไป  ขึ้นมาจนไม่สามารถหยุดได้ พยายามเยียวยาด้วยวิธีของตัวเอง คือล้างหน้าให้สะอาด ทั้งยังดื่มน้ำมากๆ นอนแต่หัวค่ำ ก็ยังไม่หาย จนคนรอบข้างเริ่มเป็นห่วง หาหนทางแก้ไขให้


จนเมื่อคนข้างกายส่งหนังสือ เคล็ดลับการแก้ " ปัญหาสิว " มาเปิดทางสว่างให้ คงทนไม่ได้ที่ต้องเห็นหน้ากันทุกวันด้วยสภาพหน้าแบบนี้ ซึ่งเมื่อเปิดดูเนื้อหาเบื้องต้นดีมากๆ เพราะเป็นวิธีธรรมชาติ โดยใช้สมุนไพรรอบตัว  ไม่ใช่สารเคมีสารพัดสูตร หรือครีมบำรุงสารพัดยี่ห้อ ที่ทำให้เปลืองตังค์แต่อย่างใด  (อย่างหลังนี่แหละค่ะคือประเด็นหลัก)  เอาล่ะ เมื่อมีแรงบันดาลใจ และมีวิธีการแล้ว ก็จะลองดูกันสักตั้ง  ผู้เขียนเริ่มจากการบอกตัวเองก่อนว่า  เราต้องตั้งใจ เราต้องทำให้ได้ (ความตั้งใจ ประหนึ่งว่าจะออกรบ จะเอ็นทรานซ์ยังไงยังงั้น!)

สูตร "สมุนไพร "  ที่ผู้เขียนใช้เป็นสูตรลดความมัน ด้วย “มะนาว” ซึ่งการลดความมันจะช่วยลดการเกิดสิวด้วย เพราะความมันบนใบหน้าคือสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว  ยิ่งผู้ที่มีรูขุมขนกว้างด้วยแล้ว จะยิ่งทำให้ไขมันซึมสู่ผิวหนังได้มากยิ่งขึ้น ไขมันที่อยู่บนผิวหน้าจะทำให้เซลล์ที่ตายแล้ว หรือที่เรียกว่าขี้ไคลกลายเป็นของเหลวไหลย้อนกลับเข้าไปในรูขุมขน เมื่อขี้ไคลแห้งก็จะกลายเป็นก้อนแข็งอุดตัน อยู่ที่ปากรูขุมขน ทำให้เกิดการอุดตัน ซึ่งทำให้เกิดสิวอักเสบตามมาในภายหลัง

หากเกิดการติดเชื้อในรูขุมขนที่อุดตันนั้นๆ การควบคุมให้ไขมันที่ผิวมีน้อยลง เท่ากับเป็นการช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ปัญหาสิวก็จะลดน้อยลงไปด้วย การแก้ปัญหาในส่วนนี้ทำได้ไม่ยาก  วิตามินซีที่มีมาก ในมะนาวช่วยคุณได้   ส่วนวิธีการเป็นอย่างไร  และใช้แล้วจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนนั้น ผู้เขียนจะนำมาเล่าให้ฟังในโอกาสหน้า  ยังไงรอติดตามกันด้วยนะคะ




วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

5) ความรัก..ที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง

บางมุมมองของความรัก..ที่หลาย ๆ คนอาจนึกไม่ถึง

ความรักพบเจอได้ง่ายๆ แม้ใน " ตลาดสด "

นับตั้งแต่คุณแม่ได้เริ่มรักษาตัว  ก็เป็นโอกาสดี  ที่ผู้เขียนได้อยู่กับแม่ทุกวัน    เพราะต้องพาท่านไปฉายแสงหลังจากผ่าตัดเนื้องอกที่ปอด   แม่เปิดโอกาสให้ลูกได้ดูแลท่านบ้าง   เย็นเมื่อวานเราไปตลาดสด  คนเยอะ  ของขายก็เยอะ   ถูกใจคนที่ชอบ" ตลาดสด "อย่างแม่มาก    ท่ามกลางความระรานตา   ผู้เขียนแอบเห็นความน่ารัก  ของพ่อค้าแม่ค้าวัยรุ่นๆ คู่หนึ่ง ที่น่าจะเป็นสามีภรรยามือใหม่ ( ดูจากแหวน และความใส่ใจกัน เลยเหมาว่า น่าจะเป็นคู่รักที่กำลังเริ่มต้น สร้างครอบครัวด้วยกัน ..คิดเดาเองล้วน ๆ )   ฝ่ายพ่อค้าดูกระตือรือร้น เตาร้อนๆ ก็เหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย   ฝ่ายแม่ค้านี่..ยิ้มสดใส ใจดี พูด คุยขาย  มีแถม..ให้ลูกค้าแบบสุดๆ  ปิดท้ายด้วยคำพูดของพ่อค้าที่ว่า  " เลือกชิ้นสวยๆ ให้เลย สวยเหมือนคนซื้อเลยครับ "    ..แหม.. วันนี้ได้สวยเหมือน "คอหมูย่าง" เลยนะคะ   แต่ก็ชอบจริง ๆ   บทเซลล์ทอล์ค ยิงตรงปักกลางใจ    ถูกใจคนบ้ายอ อย่างผู้เขียนเลยทีเดียวค่ะ 



ความรักสวยงามเสมอ แม้ว่ารายละเอียด และเงื่อนไขของแต่ละคู่จะไม่เหมือนกัน   ไม่มีใครเหมือนกันในทุกเรื่อง แต่ความรักที่มีนั้น ทำให้เรายอมรับในความแตกต่างระหว่างคนสองคนได้มากขึ้น  รักกันแบบที่เธอและฉันเป็นอยู่    แต่ก็น่าแปลก เมื่อเวลาผ่านไป ความเคยชิน หรืออะไรก็ตาม มักมีผลทำให้ความหวาน ความใส่ใจกันเปลี่ยนไป  เกิดคำถามว่า  ความรักในจินตนาการแบบที่เราถามหา กับชีวิตจริง มันเป็นคนละเรื่องกันจริงไหม ??..

               ภาวะเศรษฐกิจทุกวันนี้ ต่างคนต่างมีงานและความรับผิดชอบ ที่ต้องทำไปพร้อมๆ กับการบริหารความรัก  ปัญหาส่วนใหญ่  มักมาจากการมีคนรัก มากกว่าสองคนเข้ามายุ่งเกี่ยว  โลกยุคนี้ประหลาด  มีความสัมพันธ์ในหลายตำแหน่ง คนหนึ่งเป็นแฟน  คนหนึ่งเป็นคนที่รู้สึกดีๆ อีกคนเป็นคนรู้ใจคอยให้คำปรึกษา  สังคมยุคแห่งการสื่อสาร ยุคแห่งการแสดงความรู้สึก ได้อย่างชัดเจนผ่าน  facebook   มีคนรับรู้ความรู้สึกของเรามากมาย  แต่ขณะเดียวกัน ก็รู้สึกเหงาได้ง่าย ๆ  ซะงั้น
               
              คลื่นวิทยุ  ทุกคืนวันศุกร์   " Club Friday "   ที่ผู้เขียนติดตามฟังบ่อยๆ   ( สนุกดีนะคะ    ชอบฟังกันไหม ?.. )     " พี่อ้อยพี่ฉอด "    พูดประโยคนี้เสมอ   ประหนึ่งเป็นทฤษฎีของความรักเลยทีเดียวว่า  "ความรักไม่อนุญาต ให้คนมากกว่าสองคน รักกันได้อย่างลงตัว "   ปัญหามันต้องมีตามมาแน่ ๆ หากผิดเพี้ยนไปจากที่ว่านี้   แต่หลายคนก็ทั้งรู้ ประมาณว่า  ผิดถูกรู้หมด  แต่อดไม่ได้     บางคนรักซ้อน บางคนซ่อนรัก   บางคนหึงแบบสุดโหด  ทำร้ายร่างกายกัน    แล้วให้เหตุผล (ข้ออ้าง) ว่าเพราะรัก  เพราะหวง บ้านะ !..   ก็นำมาซึ่ง  ความไม่เข้าใจ  ความเสียใจ    กระหน่ำแทงหัวใจกัน ด้วยการกระทำ และคำพูดที่เจ็บปวด   ( เริ่มฟังมากไปละ  อินมากเกินไปแล้วนะเนี่ย...   >__<  ) 



                   แต่อย่าเพิ่งหงอยไปนะคะ  บางทีเราเจอปัญหา มันก็ไม่จำเป็นต้องแก้ไขไปหมดซะทุกเรื่องหรอก  แต่เราแค่ยอมรับ และรับมือกับมัน ไม่ให้มันทรมานนานเกินไป ก็เท่านั้น  พอเวลาเปลี่ยนไป เดี๋ยวเวลาใหม่ก็ผ่านเข้ามาแทนที่   ไม่ว่าอีกกี่เดือน กี่ปี สิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ ก็จะต้องผ่านไป  มันต้องผ่านไปแน่ๆ    ผู้เขียนเอง   ก็เคยผ่านวันที่เศร้า วันที่น้อยใจ   มันหมดหวัง  เหมือนไม่อยากได้อะไรแล้ว      ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ควรเรียกสติกลับมาอยู่ที่ตัวด่วน !!..  อย่าให้ความรู้สึกแบบนั้นอยู่กับเรานานเกินไป    อย่างน้อยหากมีวันใดข้างหน้า ที่มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกันอีก  คิดเสียว่า มันเป็นเพียงเพราะความต่างของคนสองคน  เก็บภาพของการเก็บหอมรอมริบ สร้างครอบครัวด้วยกัน  ผ่านทุก ๆ ความลำบากด้วยกัน  สิ่งนี้คงช่วยเรียกสติ  ไม่ทำให้เราจากกันไปง่าย ๆ


 ไม่ว่าสถานการณ์ไหน มันน่าจะอยู่ที่เราเลือกมอง  ไม่ต้องตามหารักแท้ แค่ทำให้รักที่เรามีอยู่ในมือ เป็นรักที่ดีที่สุดก็พอ  ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหน  รักเธอ  รักลูก  รักครอบครัว  รักพ่อแม่  รักพี่รักน้อง  รักเพื่อน    ชีวิตมันก็แค่นี้  จะรักกันมากแค่ไหน   เกลียดกันมากแค่ไหน   ถึงวันหนึ่งก็ต้องจากกันไปอยู่ดี    ไม่ว่าจะจากไปเพราะหมดอายุรัก  หรือ เพราะหมดอายุขัยก็ตาม  ( เศร้ามากประโยคนี้  ทุกอย่างมันไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทนจริง ๆ   รู้ว่ามันทำใจยาก  ก็กำลังพยายามเรียนรู้มันอยู่ )  อย่างน้อยทุกการจากไป ก็ทิ้งบทเรียนให้เสมอว่า  รีบใช้เวลาให้คุ้มนะ ไม่มีใครรู้เลยว่า โลกจะเปลี่ยนไปแบบไหน   คนที่เรารัก จะได้เจอกันไหมเย็นนี้   ไม่มีอะไรแน่นอนเลย    ดังนั้น หากมีความรักดี ๆ อยู่แล้ว  รักษาและถนอมเอาไว้ให้ดี   เพราะที่สุดแล้ว  ในวันที่จากกันไปจริง ๆ  มองย้อนมา จะได้สุขใจว่า  เราได้ทำดีที่สุดแล้ว    วันเวลาที่ใช้ไปนั้น   ได้ผ่านไปอย่างคุ้มค่าที่สุดแล้ว 

ถึงตอนนี้...คนโสดทั้งหลาย หากเป็นโค้งสุดท้าย  อยากบอกรักใคร รีบบอกไปเลยนะคะ    สู้สู้ !!... ^__^

ขอบคุณภาพน่ารักจาก Tanya Rapeseed blog


ชอบภาพชายหญิงคู่นี้    ในวัยเก็บเกี่ยวความสุขจากความเหน็ดเหนื่อยของการทำงาน   คุณตากับคุณยาย นั่งกุมมือกัน พิงกัน ส่งผ่านรอยยิ้ม ที่ฟ้องร่องรอยแห่งการใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน    แม้มือคู่นี้จับกันมาเป็น 30-40 ปีแล้ว   วันนี้ก็ยังมีมือคู่เดิม ๆ นี้  ยังกอดกันเหมือนเคยอยู่เลย...   
               ประคับประครองชีวิตคู่ ดูแลความรัก เดินจูงมือกันไปแบบพอดี  ๆ  ให้ถึงวันที่ได้รู้ว่า  หอมแก้มเหี่ยว ๆ ของกันและกันนั้นมันชุ่มฉ่ำหัวใจเพียงไร    สู้ ๆ ทุกความรักนะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

4) ดอกไม้ของชีวิต


" เงิน " ไม่ใช่สิ่งสำคัญจริงหรือ ?  อะไรคือความพอดิบพอดี ในการทำงานหาเงิน ?  
พบการบอกเล่าเรื่องราวผ่านบล็อก  " บริหารใจ สไตล์ส้มโอ " 
        อีกมุมมองที่ช่วยเก็บเกี่ยวความสุข   ให้เรามีทั้งชีวิต    และเหตุผลที่ทำให้อยากมีชีวิต

เรามักได้ยินบ่อย ๆ  กับคำพูดสวยหรูว่า เงิน " ไม่ใช่สิ่งสำคัญ   แต่มันก็เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต   เพราะไม่ว่าจะกิน  จะนอน  เจ็บป่วย   ท่องเที่ยว  เดินทาง   ค่าเล่าเรียนลูก  ฯลฯ    ล้วนต้องใช้เงินทั้งสิ้น    เป็นเรื่องที่ถกกันมาก  ถึงความพอดิบพอดี ในการทำงานหาเงิน  
             
            ไม่ว่ายังไง  คนเราก็ต้องทำงานเพื่อสร้างรายได้ให้เกิดขึ้น  แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรลืมอย่างยิ่งคือ    การเก็บเกี่ยวความสุข  ความสบายใจ  ในระหว่างที่เราทำงานหาเงินนั้นด้วย     เมื่อมีเงินสองบาท   บาทแรกเราใช้ซื้อข้าว   อีกบาทซื้อดอกไม้   บาทแรกทำให้เรามีชีวิต  ส่วนบาทที่สองคือเหตุผลที่ทำให้เราอยากมีชีวิต  ผู้เขียนคิดว่าจำเป็นมากที่คนเราต้องมีตรงนี้   บาทที่สองของบางคนอาจเป็นการท่องเที่ยว  การเล่นดนตรี  ช็อปปิ้ง  ออกกำลังกายหนัก ๆ   การทำบุญกุศล  หรือทำอะไรบางอย่างเพื่อคนหมู่มาก  เพื่อชาติ เพื่อชาวโลก   เป็นดอกไม้ของชีวิต    เป็นสิ่งที่ทำให้เราอยากใช้ชีวิต    ทำให้กระชุ่มกระชวย    ให้ชีวิตมีคุณค่า   มีความหมาย

สำหรับผู้เขียน ดอกไม้ของชีวิต อันดับหนึ่งยกให้การเดินทาง " ท่องเที่ยว " แม้ช่วงหลัง ๆ งาน ภาระความรับผิดชอบ จะไม่เอื้อให้เดินทางท่องเที่ยวไกล ๆ  แบบไปนาน ๆ มากนัก  แต่ก็ไม่ลืมจัดโหมดท่องเที่ยวพักใจ ไว้ในตารางของชีวิตเสมอ   โดยอาศัยช่วงว่างของลูก ๆ ในตอนปิดเทอม 
" ผาหล่มสัก " หลายคนเรียก  ผาเรียงคิว
          เมื่อนึกย้อนถึงตอนที่ยังวัยละอ่อน ทั้งทะเล ภูเขา น้ำตก ไปหมด  เดินขึ้นภูกระดึงได้ไม่มีเหน็ดเหนื่อย ( แต่ก็แอบแวะพักทุกซำเลย)   แต่ตอนนี้อะไรที่มีบันไดสูงๆ ต้องปีนป่าย  ขอพักอยู่ข้างล่างแล้วกัน   ถ้าต้องขึ้นที่สูง ๆ ใจมันได้ แต่กายไม่อำนวย  เพราะงั้นใครอยากทำอะไร  รีบทำตอนหนุ่ม ๆ สาว ๆ กันเลยนะคะ  ท่องเที่ยวไปเยอะ ๆ เลย ( เหมือนเริ่มแก่ แต่ยอมรับค่ะว่าเป็นอย่างงั้นจริง ๆ ) ทำงาน หาเงิน ไปเที่ยว ทำเลย ทุกวันนี้ แม้ว่าผู้เขียนยังแสวงความตื่นเต้น ยังชอบการเดินทาง แต่ด้วยวัยที่เปลี่ยนแปลง  ไปเที่ยวไหน ขอแบบนอนสบาย กินอิ่ม กินของอร่อย ๆ และเดินทางไปกับคนที่เรารัก ได้เห็นอะไรใหม่ ๆ เท่านั้นก็มีความสุขแล้วค่ะ        

              อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในการท่องเที่ยวคือ  การเปิดใจรับความสุข  รื่นรมย์ไปกับสิ่งที่ได้พบเจอในระหว่างทางด้วย    ผู้เขียนเคยร่วมทางไปเป็นคณะใหญ่  แต่คนขับเกิดหลงทาง  เนื่องจากมีผู้แนะนำทางลัดให้  สุดท้ายกลายเป็นขับรถอ้อม  จนทำให้ถึงที่หมายช้าออกไป    มีเสียงบ่นจากเพื่อนร่วมทางท่านหนึ่งดังขึ้นตลอดทาง  เมื่อถึงที่หมาย   แม้จะมีทิวทัศน์อันงดงามตรงหน้า    ก็ไม่ทำให้อารมณ์ของท่านนี้เปลี่ยนไปเลย     น่าเสียดายที่อุตส่าห์มาถึง   
               
               จะเห็นได้เลยว่า    ถ้าระหว่างทางไม่สนุกแล้วละก็ ต่อให้ถึงจุดหมาย ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี    ผลลัพธ์แม้จะมีความสำคัญ   แต่การเสพสุขกับกระบวนการของมันนั้น สำคัญยิ่งกว่า    เพราะแม้ถึงเป้าหมายก็อาจไม่มีความสุขก็ได้    เหมือนดังเช่นการใช้ชีวิต ที่เราต้องรู้จักชื่นชมดอกไม้ริมทาง ความงดงามรอบข้างชีวิต  ที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี่เองค่ะ
      
    ดอกไม้ของชีวิตอีกอย่าง ต้องยกให้ หนังสือ "   ผู้เขียนโชคดีที่ไม่ได้เป็นคนบ้าของอะไรเลย      เกิดชาติหน้าก็อยากเป็นคนแบบนี้   ไม่ติดอะไร ไม่บ้ายี่ห้อ   ไม่ได้เสียเงินไปกับเรื่องพวกนี้เลย เงินส่วนใหญ่ใช้ในสิ่งจำเป็นหลัก  ค่ากินอยู่  ค่าเทอมลูก  ให้พ่อแม่ นี่เป็นหลักเลย  แบ่งไปลงทุนส่วนหนึ่ง  แบ่งไว้ท่องเที่ยว  และส่วนหนึ่งหมดไปกับหนังสือ ผู้เขียนใช้เงินประมาณ  20 %  ต่อเดือน หมดไปกับการซื้อหนังสือ  ชอบอ่าน คนใกล้ตัวก็ชอบอ่าน  ( แต่ตอนนี้ Smartphone สามารถโหลดอ่านผ่านแอพ สะดวกและช่วยให้ได้อ่านหนังสือดี ๆ เยอะเลย  เสียค่าธรรมเนียมรายปีไม่ถึงพัน...ทุ่นตังค์ไปได้มากทีเดียว ไม่ได้ช่วยโฆษณานะคะ แต่ Application เปลี่ยนโลกนี้ได้มากจริง ๆ )  อ่านได้ทุกแนว   แต่ที่ชอบเป็นพิเศษคือ  หมวด  How to หลัง ๆ นี่หนังสือแปลของคนจีน เขียนดีมาก  


ท่าเดิน " ชาร์ลี แชปลิน " ของผู้เขียน
ต้องถ่ายภาพไว้ จึงจะเชื่อว่าตัวเอง มีท่าเดินสุดฮาแบบนั้น

อีกภาพ.. เก็บ " หญ้าทะเล อ่าวคุ้งกระเบน " ทำ Thesis ... รู้สึก คิดถึง จริง ๆ

                     หนังสือเป็นครูที่สอนเราได้มาก  บางครั้งเวลาเราเจอบางประโยคมันทำให้ฉุกคิดขึ้นมา เอ๊ะเราลืมใครในชีวิตไปรึเปล่า    มันสอนเราได้หลายอย่าง     ทุกวันนี้มันสอนให้เราเป็นคนแบบนี้ เป็นครูที่สำคัญของเรา   ความรู้   ความคิดความอ่าน   ล้วนได้จากหนังสือทั้งสิ้น



การดู หนัง " ฟัง เพลง  ก็เป็นดอกไม้ยาใจให้ชีวิตอีกหนึ่งสิ่งของผู้เขียน    เพลง " ก่อให้เกิดความสะเทือนใจ   และทำให้มีกำลังใจขึ้นมาได้    บางวันฟังเพลงดีๆมันทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต     เพลงในดวงใจของผู้เขียน  ที่ฟังแล้วสบายใจทุกครั้งก็เช่น   ฤดูที่แตกต่าง   และเพลง Live and learn นี่ก็ชอบ   " เมื่อวันที่ชีวิต  เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน.. "    เพลงนี้เป็นธรรมะเลยก็ว่าได้  เป็นเพลงช่วยชีวิต   ให้ผ่านเรื่องหนักๆ ได้อย่างดีเลยทีเดียว     ฟังเพลงหวาน   เพลงซึ้ง   ก็ดื่มด่ำไปตามเนื้อเพลง   บางครั้งก็เพ้อไปว่าอยากร้องได้ไพเราะแบบนั้นบ้าง    เพราะชีวิตจริงผู้เขียนร้องเพลงเศร้า ได้ทั้งฮา  ทั้งซึ้ง มากเลยทีเดียว 555....    หนังดี ๆ  บางเรื่องมีอะไรที่ทำให้เรากลับมาฉุกคิด  อารมณ์หลุดเข้าไปอยู่ในหนัง สนุกตื่นเต้น  หนังโปรดในใจผู้เขียน เป็นซีรีย์   Prison Break  ชอบที่ดำเนินเรื่องเร็ว ตื่นเต้นน่าติดตาม  พล็อตเรื่องง่าย ๆ  น้องชายพาพี่ชายแหกคุก แค่นั้น !  แต่ดำเนินเรื่องดีมาก  ลุ้นตลอดทั้งเรื่อง   IQ พระเอกเป็นเลิศจริง ๆ   แม้ว่าล่าสุด เวนต์เวิร์ธ มิลเลอร์     ผู้รับบท ไมเคิล สกอฟิลด์ เพิ่งประกาศว่าเป็นเกย์ก็ตาม แหม..น่าเสียดายจริง   แต่ก็รับได้ค่ะ... ฮือ ๆๆ....


ลืมไม่ได้เลยสำหรับดอกไม้ของชีวิตผู้เขียนอีกอย่าง นั่นคือ   ลูกชาย     พ่อทองก้อนทั้งสอง   ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต   แม้ว่าบางครั้งจะเหน็ดเหนื่อยเกินบรรยาย    เห็นหน้าพ่อแม่ตัวเองลอยมาทันทีที่ความเมื่อยล้ามาเยือน   ว่าท่านก็คงเหนื่อยแบบนี้ตอนเลี้ยงเรามา    กว่าจะโต ทั้งทางกาย ทั้งความคิด    แต่ลูกก็เป็นกำลังใจให้แม่มากๆ เลยทีเดียว    ความไร้เดียงสาของเจ้าเด็กน้อย    ทำให้แม่มีความทรงจำดี ๆ มากมาย      ค่อย ๆ เรียนรู้ชีวิต ทีละนิด.. ทีละนิด นะจ๊ะ..เจ้าลูกชายตัวน้อย    


           ไม่ง่ายนัก  ที่จะผ่านไปในแต่ละวัน  แต่ก็คงไม่ยาก หากเรารู้จักใช้ชีวิต  โดยหยิบความสุขใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วยกัน     ปีนป่ายภูเขาแห่งชีวิตลูกนี้  พร้อม ๆ กับชื่นชมดอกไม้ริมทาง     ก็ไม่รู้ว่ากฎแห่งจักรวาลมีอยู่จริงไหม  แต่ถ้าได้เริ่มด้วยอะไรดี ๆ วันนั้นทั้งวันจะดีเสมอ     ชาร์จแบตเต็ม  แล้วออกไปใช้ชีวิตให้เต็มที่    มีความสุขกันถ้วนหน้านะคะ